บทความ

แนะนำ 5 ประเทศน่าท่องเที่ยวในยุโรปที่ต้องขอเชงเก้นวีซ่า

30 มกราคม 2024

แชร์

blog img 3
blog img 3

เมื่อคุณมีวีซ่าเชงเก้นแล้วจะทำให้คุณสามารถเดินทางท่องเที่ยวข้ามแดนไปได้เลย โดยที่ไม่จำเป็นต้องขอเข้าประเทศในทุกๆ ประเทศที่ไป ระหว่าง 26 ประเทศที่อยู่ในกลุ่มที่ต้องใช้วีซ่าเชงเก้นนี้ และจะไม่มีด่านตรวจวุ่นวายมากมาย เมื่อวีซ่าพร้อมแล้ว ใจพร้อมเที่ยวแล้ว วันนี้จึงขอนำเสนอ 5 ประเทศน่าท่องเที่ยวในยุโรปที่น่าตื่นตาตื่นใจ ไปดูกันเลยยย

1. ตามล่าหาแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์’ (Iceland)

ใครที่เป็นสายธรรมชาติต้องไม่พลาดไอซ์แลนด์ ดินแดนที่ครบเครื่องเรื่องธรรมชาติสวยสะกดจนต้องหาโอกาสไปเที่ยวสักครั้ง ไอซ์แลนด์ตั้งอยู่ระหว่างกรีนแลนด์ นอร์เวย์ และสหราชอาณาจักร แม้หลายคนจะใฝ่ฝันอยากไปนอนดูแสงเหนือใน Glass Igloo แต่รู้ไหมว่า ไอซ์แลนด์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ มากมาย อาทิ

  • บลูลากูน (Blue Lagoon) บ่อน้ำแร่สีฟ้าใสที่ใครได้ลงไปแช่ตัวแล้วจะช่วยให้สุขภาพดีและผิวเปล่งประกายขึ้น
  • น้ำตกเซลจาลันด์ฟอสส์ (Seljalandsfoss Waterfall) น้ำตกที่สวยงามติดอันดับต้นของประเทศที่มีความสูงกว่า 60 เมตร
  • เวสท์ฟยอร์ด (Westfjords) ดินแดนที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าลึกลับ เวทมนตร์คาถา และประเพณีเก่าแก่
  • ล่าแสงเหนือ หรือ แสงออโรร่า (Aurora Borealis) ใครอยากไปล่าแสงเหนือในช่วงเวลาที่ท้องฟ้ามืดสนิทที่สุด แนะนำช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม เพราะคุณจะสามารถชมแสงออโรร่าได้ตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงเที่ยงของวันถัดไป และเก็บภาพแสงสวย ๆ ได้เพียบ

2. ต้องมนต์สะกดของธรรมชาติที่สวิตเซอร์แลนด์’ (Switzerland)

สถานที่ท่องเที่ยวในฝันของหลายคน ด้วยความสวยงามบริสุทธิ์ของธรรมชาติ และท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาล สวิตเซอร์แลนด์ยังได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่โรแมนติก จึงเหมาะสำหรับคู่รักจนถึงการพักผ่อนกับครอบครัว และมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

  • ยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่สูงที่สุดในเทือกเขาแอลป์ โดยมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 4,478 เมตร
  • น้ำตกไรน์ (Rhein fall) น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีความสูงถึง 23 เมตรและความกว้างกว่า 150 เมตร นอกจากนี้ ยังมีธรรมชาติที่สวยงามราวต้องมนต์สะกดอีกด้วย
  • ธารน้ำแข็งอเลิท์ซ กลาเซียร์ (Aletsch Glacier) ธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในบรรดาธารน้ำแข็งของเทือกเขาแอลป์ มีความยาวถึง 22 กิโลเมตร
  • ทะเลสาบโอชิเนน (Oeschinen Lake) ตั้งอยู่ตรงกลางหุบเขาโอชิเนนที่ระดับความสูง 1,578 เมตร แม้จะเป็นทะเลสาบขนาดเล็กเพียง 1 ตารางกิโลเมตร แต่ก็มีความสมบูรณ์ของธรรมชาติ
  • ทะเลสาบลูเซิร์น (Lucerne lake) ทะเลสาบที่สวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ โอบล้อมด้วยภูเขาและบ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์ รวมถึงดอกไม้ที่ผลิบานตามฤดูกาล

3. ลื่นไหลไปตามท่วงทำนองดนตรีที่ออสเตรีย’ (Austria)

เอาใจคนรักศิลปะ ดนตรี และสถาปัตยกรรมสวย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติกของกรุงเวียนนา (Vienna) เมืองหลวงของออสเตรียที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่คุณภาพชีวิตดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โอบล้อมไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติและขุนเขา ใครมาออสเตรียและต้องไม่พลาดสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย

  • พระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) พระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์ฮับสเบิร์ก ซึ่งสร้างขึ้นปลายศตวรรษที่ 17
  • จัตุรัสสเตฟาน (Stephansplatz) ศูนย์กลางของเวียนนาและเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St. Stephen Cathedral) สถาปัตยกรรมโกธิคที่อ่อนช้อยงดงาม
  • บ้านดนตรี (House of Music) พิพิธภัณฑ์ดนตรีและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของศิลปินชื่อดังระดับโลก อาทิ ลุดวิก ฟาน เบโธเฟิน (Ludwig Van Beethoven) โวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมซาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) โยฮัน สเตราส (Johann Strauss) มาแล้วคุณจะสัมผัสถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้เวียนนา เป็นบ้านเกิดของเหล่าศิลปินระดับโลก
  • สวนสนุกพราเตอร์ (Prater) สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรีย พร้อมให้คุณชมความสวยงามของเมืองบนชิงช้าสูงกว่า 200 ฟุต ที่อยู่คู่กรุงเวียนนามาตั้งแต่ปี ค.ศ.1879

4. ท่องไปในประวัติศาสตร์โรมันและอัปเดตแฟชั่นที่อิตาลี’ (Italy)

นอกจากจะเป็นจุดหมายยอดนิยมของคนรักแฟชั่น แล้วอิตาลียังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของคนที่หลงใหลในสถาปัตยกรรมเก่าแก่ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ มรดกโลก และอาหารอิตาเลียนที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว มาเที่ยวอิตาลีแล้วต้องไม่พลาด

  • กรุงโรม (Rome) เมืองหลวงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 2,800 ปี และยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน (Vatican City) ที่ประทับประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก
  • โคลอสเซียม (The Colosseum of Rome) หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่สร้างขึ้นในสมัยของจักรพรรดิเวสปาเซียน และเป็นสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรโรมันโบราณ
  • น้ำพุเตรวี (Fontana di Trevi) น้ำพุที่โด่งดังที่สุดและสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลี มีรูปปั้นของเทพเจ้าเนปจูน (Neptune) หรือ ‘เทพแห่งท้องทะเล’ ขี่รถม้าติดปีก แสดงถึงความมีสุขภาพแข็งแรงและความอุดมสมบูรณ์ของอาณาจักรโรมัน เชื่อกันว่า ใครมาเที่ยวน้ำพุเตรวีแล้วต้องโยนเหรียญลงในสระ เพื่อจะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้ง
  • หอเอนเมืองปิซา (Leaning Tower of Pisa) หอระฆังใหญ่ของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก และเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่ตั้งอยู่ที่จัตุรัส Piazza del Duomo ( จัตุรัสดูโอโมแห่งปิซา) สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวและเอียงจากพื้นประมาณ 3.97 องศา โดยบริเวณยอดของหอระฆังห่างจากแนวตั้งฉากของพื้นถึงประมาณ 3.9 เมตรเลยทีเดียว
  • เวนิส (Venice) หนึ่งในสถานที่โรแมนติกและสถานที่ฮันนีมูนของหลายคู่รัก เวนิสเป็นเกาะที่อยู่ห่างออกไปในทะเลเอเดรียติก เกิดจากการเชื่อมเกาะเล็ก ๆ จำนวน 118 เกาะและมีสะพานเชื่อมกว่า 400 แห่ง มาแล้วต้องนั่งเรือกอนโดลา (Gondola) ชมความสวยของเวนิสในแบบที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลก

5. ถนนสายโรแมนติกและเมืองน่ารักดังเทพนิยายในเยอรมนี’ (Germany)

นอกจากจะเลื่องชื่อด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี ยานยนต์ และอุตสาหกรรม เยอรมนียังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่มีสถาปัตยกรรมสวย ๆ มากมาย ทั้งยังเป็นสถานที่ฮันนีมูนในฝันของเหล่าคู่รัก และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น

  • ปราสาทน็อยชวานชไตน์ (Neuschwanstein Castle) สร้างขึ้นโดยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ผู้ทรงหลงใหลในศิลปะ บทกวี วรรณกรรม และดนตรี มากกว่าที่จะใส่ใจเรื่องการปกครองบ้านเมือง พระองค์ทรงสร้างปราสาทแห่งนี้ด้วยแรงบันดาลใจที่ได้จากตำนานเทพพื้นบ้านของชาวเยอรมันและไวกิ้ง
  • ถนนสายโรแมนติก (Romantic Road) ถนนที่มีความยาวประมาณ 350 กิโลเมตร ผ่านเมืองเล็ก ๆ ที่น่ารักราวกับเมืองในเทพนิยาย แล้วยังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมอันงดงาม และศิลปะวัฒนธรรมของยุโรปในยุคกลาง  
  • โคโลญ (Cologne) เมืองที่ตั้งอยู่บนแม่น้ำไรน์ในรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยความเป็นเมืองเก่าแก่แต่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและที่ตั้งของ ‘มหาวิหารโคโลญ’ คริสตจักรโกธิคที่สวยงาม ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 12 คริสตจักรโรมันอันงดงามของสถาปัตยกรรมยุคกลาง
  • เมืองโรเธนเบิร์ก ออบ เดียร์ เทาเบอร์  (Rothenburg ob der Tauber) เมืองเก่าแก่ของจักรวรรดิ์ฟรังค์ในเขตบาวาเรีย (Bavaria) ประเทศเยอรมนี ที่รุ่มรวยด้วยสถาปัตยกรรมโกธิคและเรอเนสซองส์ แล้วยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดจนได้รับฉายา “เมืองเทพนิยายแห่งเยอรมนี”

และนี้ก็เป็นข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่าเชงเก้นที่นำมาฝากกันในวันนี้สำหรับมือใหม่ที่กำลังจัดทริปไปเที่ยวตามประเทศเชงเก้นก็อย่าลืมที่จะไปขอวีซ่ากันไว้ด้วยนะคะและสิ่งสำคัญสำหรับการยื่นขอวีซ่าเชงเก้นก็คือประกันการเดินทางต่างประเทศเราขอแนะนำประกันภัยเดินทาง i-Insure ใช้ขอวีซ่าเชงเก้นคุ้มครองอุบัติเหตุและเจ็บป่วยวีซ่าไม่ผ่านคืนเงิน 100%

ประกันภัยเดินทาง i-Insure ดูแลให้ครบ! พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 2 ชั่วโมง

*สนใจดูละเอียดเพิ่มเติมและซื้อแผนประกันภัยเดินทาง i-Insure คลิกเลย! https://kpiiinsure.kpi.co.th/iinsure/app